ALT ตั้งราคา 4.70 บาท/หุ้นฟุ้ง-นักลงทุนจองล้น

นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการบล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด(มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บมจ.เอแอลที เทเลคอมALT เปิดเผยว่า บริษัทได้ตั้งราคา หุ้น ALT ออกมาที่ 4.70 บาท หลังจากที่ได้สำรวจความต้องการของหุ้น ALT จากนักลงทุนสถาบันพบว่า ความต้องการค่อนข้างสูง ขณะที่นักลงทุนรายย่อยยังให้ความสนใจค่อนข้างมาก ซึ่งผลสำรวจราคาเฉลี่ยก่อนหน้านี้ออกมาราว 6.10 บาท จึงคิดเป็นส่วนลดภายในตัว ซึ่งราคา 4.70 บาท ดังกล่าวยังไม่สะท้อนปัจจุบันพื้นฐานของบริษัทมากนัก

ทั้งนี้จะเสนอขายหุ้นแก่นักลงทุนในช่วงวันที่ 24-27-28 มิถุนายนนี้ และเชื่อว่าหลังจากเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ในวันที่ 4 ก.ค. 2559จะมีนักลงทุนทั้งรายย่อยและสถาบันให้ความสนใจและคาดหวังว่าจะไม่มีการขายในวันแรกเนื่องจากในระยะยาวจะให้ผลตอบแทนที่สูงได้ต่อไป จากแนวโน้ม บมจ.เอแอลที เทเลคอม ที่มีผลประกอบการเติบโตอย่างต่อเนื่อง สะท้อนจากเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ได้มีการเติบโตราว 100%ล่าสุดจากที่ได้สำรวจความต้องการของนักลงทุนสถาบัน ทั้งในประเทศและต่างประเทศพบว่ามีความต้องการ หุ้น ALT ค่อนข้างสูง ซึ่งได้จัดสรรให้ประมาณ 40% หรือประมาณ 95 ล้านหุ้นจากหุ้นสามัญเพิ่มทุนทั้งหมด และยังพบว่าการเข้าจองซื้อนั้นมีส่วนเกินมาถึง 12% สะท้อนถึงปัจจัยพื้นฐานของบริษัทที่แข็งแกร่ง

ด้านนางปรีญาภรณ์ ตั้งเผ่าศักดิ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอแอลที เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ ALT เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าจากการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ จะได้รับเงินจากการระดมทุนราว1,175 ล้านบาท เพื่อจะนำมาลงทุนโครงการวางโครงข่ายแนวรถไฟฟ้าเฟส 2 โดยจะใช้งบลงทุนราว 250 ล้านบาท และเพื่อคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินอีกราว 600 ล้านบาท ซึ่งส่งผลให้หนี้สินต่อทุน (DE)ลดลงเหลือไม่เกิน 2 เท่า จากปัจจุบันอยู่ที่ 4.47 เท่า และในส่วนที่เหลือจะใช้เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนรองรับโครงการต่อไปในอนาคต

พร้อมกันนี้บริษัทได้ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ โตเฉลี่ยตามอุตสาหกรรม ประมาณ 10% ซึ่งเป็นการเติบโตในธุรกิจวางโครงข่าย และจำหน่ายสินค้าคมนาคม ที่มีแนวโน้มเติบโตราว 30% ของในแต่ละธุรกิจ ขณะที่ธุรกิจให้เช่าโครงข่ายและโครงสร้างพื้นฐานนั้น ยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตอีกด้วยเช่นกันพร้อมกันนี้บริษัทยังมีงานในมือ (Backlog) ราว 870 ล้านบาท โดยจะสามารถรับรู้เป็นรายได้ปีนี้ประมาณ 850 ล้านบาท

ที่มา: แนวหน้า http://www.naewna.com/business/222031